top of page

Pharmanex

ความแตกต่างของฟาร์มาเน็กซ์

ฟาร์มาเน็กซ์ ® - บริษัทผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพจากธรรมชาติที่แตกต่าง


ความแตกต่างนั้นชัดเจน: ฟาร์มาเน็กซ์ได้ตั้งมาตราฐานความซื่อสัตย์ให้กับอุตสาหกรรม นักวิทยาศาสตร์ของฟาร์มาเน็กซ์ได้ทำการทดสอบกระบวนการสุขภาพตามธรรมชาติของเราซึ่งเกิดขึ้นในร่างกายและระบุว่าอาหารเสริมทางโภชนาการจะช่วยทำให้กลไกเหล่านี้ หลังจากประเมิณปัจจัยเหล่านี้ จะมีเพียงแค่สารสำคัญที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการส่งเสริมสุขภาพเท่านั้นที่จะถูกนำไปใช้ในขั้นต่อไปของการพัฒนา


    เมื่อถูกเลือกแล้ว วัตถุดิบทั้งหมดของฟาร์มาเน็กซ์จะถูกวิเคราะห์อย่างเข้มงวดภายใต้การการรันตีคุณภาพ 6s®  วิธีการผลิตอันเป็นลิขสิทธิ์นี้ – มีพื้นฐานอยู่บน การคัดเลือก (selection), แหล่งวัตถุดิบ (sourcing), การวิเคราะห์โครงสร้างของสารสำคัญ (structure), ความเข้มงวดด้านมาตรฐานของการผลิต (standardization), ความปลอดภัย (safety) และ มีหลักฐานและผลการศึกษาทางคลีนิกสนับสนุน (substantiation) – ซึ่งทำให้ฟาร์เมาเน็กซ์สามารถเป็นผู้นำในด้านคุณภาพและความมีประสิทธิภาพ บริษัทนั้นมีมาตราฐานสูงกว่า GMP ที่กำหนดโดยสำนักอาหารและยา ในด้านผลิตภัณฑ์นี้มาตลอด

4167.jpg

    ทุกวันนี้ ด้วยนักวิทยาศาสตร์กว่า 125 คน ที่เป็นผู้ดูแลกลุ่มการวิจัยและการพัฒนา นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ได้ศึกษาการการศึกษาทางแพทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์เพื่อจะระบุพืชที่สามารถส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น การวิจัยต้นฉบับนั้นยังมีการอ้างอิงกับบทความทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 150 บทความจากรอบโลก ซึ่งแต่ละบทความเป็นตัวแทนของสถาบันต่างๆเช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, UCLA, มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย, มหาวิทยาลัยเปอร์ดู, ศูนย์สุขภาพมหาวิทยาลัยปักกิ่ง, มหาวิทยาลัยแพทย์เซี่ยงไฮ้ และมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ด้วยการเข้าร่วม และการวิจัยอยากครอบคลุม ความแตกต่างของฟาร์มาเน็กซ์ชัดเจนยิ่งขึ้น


    เครื่องหมายการค้าอาหารเสริมทางโภชนาการซึ่งมีพื้นฐานมาจากวิทยาศาสตร์ของฟาร์มาเน็กซ์คือส่วนหนึ่งของ นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส, บริษัทขายตรงระดับโลก ซึ่งทำการในกว่า 50 ประเทศ ทั้งทวีปเอเชีย, อเมริกา และ ยุโรป

ศูนย์วิจัยและห้องทดลอง Pharmanex
พวกเรา, ฟาร์มาเน็กซ์ มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของห้องทดลองและนักวิทยาศาสตร์ประจำการกว่า 75 คนของเราที่มีเครือข่ายกับนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกกว่าอีก 150 คนที่เป็นตัวแทนของสถาบันวิจัยระดับโลกจากทั่วทุกพื้นที่
ศูนย์วิจัยและห้องทดลองของฟาร์มาเน็กซ์ มีดังนี้:
nuskin_innovation_center.jpg

Nu Skin Innovation Center

สำหรับการวิจัยการต่อต้านความชรา (โพรโว, ยูทาห์, สหรัฐอเมริกา))


สถาบันการวิจัยการดูแลสุขภาพฟาร์มาเน็กซ์/นู สกิน ในโพรโว ยูทาห์ ก่อตั้งขึ้นในเดือนธันวาคา ปี 2001 ด้วยเงินลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท มีขนาด 16,000 ตารางฟุต ในสถาบันประกอบไปด้วย ห้องสมุดการวิจัย และ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ สถาบันวิจัยโพรโวนั้นได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อการทำวิจัยและการพัฒนาภายใน การประกันคุณภาพและการควบคุมคุณภาพ การทดสอบแบบจุลชีวภาพ และการวิเคราะห์วิธีพัฒนา เพื่อที่จะสะท้อนให้เห็นถึงพันธะสัญญาที่มีต่อการศึกษาของผู้บริโภค สถาบันได้เพิ่มภาพแสดงของผลิตภัณฑ์และข้อมูล รวมไปถึงมีกระจกยักษ์ภายในซึ่งทำให้ผู้มาเยี่ยมชมสามารถมองเห็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยตรง สถาบันนี้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับการวิจัยของฟาร์มาเน็กซ์อื่นๆและ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันผ่านทางการติดต่อและเทรนนิ่งโปรแกรม

Img399116790.jpg

ศูนย์ฟาร์มาเน็กซ์ ปักกิ่ง ด้านแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์


ศูนย์ฟาร์มาเน็กซ์ ปักกิ่ง ด้านแพทยาศาสตร์และเภชัสชศาสตร์ได้ทำงานวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะศึกษาเกี่ยวกับเภสัชศาสตร์-พิษวิทยา ซึ่งผลประโยชน์ทางการพำทย์และกลไลการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อการแพทย์ของผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ศูนย์นั้นมีขนาด 8,000 ตารางฟุต ซึ่งรวมห้องทดลองและสำนักงาน ศูนย์นี้อำนวยการโดย นายแพทย์ จอร์ช จู (Ph.D.) ผู้บริหารอาวุโสด้านการแพทย์และเภสัชศาสตร์ของฟาร์มาเน็กซ์ ดร.จู เป็นผู้นำทีมของนักวิจัย 19 คน ( ดร. 5 คน, หมอ และศาสตราจารย์, 5 ปริญญาโท)  และด้วยความเชี่ยวชาญในด้านยาทางการแพทย์, เภสัชศาสตร์, สรีรวิทยา, เคมีชีวภาพ, โมเลกุล ชีวภาพ, เซลล์ชีวภาพ, วิทยาเชื้อรา, พิษวิทยา, โภชนาการ และ เคมีผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ทั้งแปดคนนั้นได้ทำการวิจัยมากว่า 20 ปีในสาขาชีวภาพและเกี่ยวข้อง ศูนย์นี้มีบทบทาสำคัญในการวิจัยทางการรักษาและก่อนการรักษา รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และด้วยการที่เป็นส่วนหนึ่งของ มาตรฐาน 6S ของฟาร์มาเน็กซ์ ศูนย์ปักกิ่งนี้ได้รวมมุมมของทุกมุมมองของการคัดสรร ความปลอดภัย และ การพิสูจน์ได้เข้ามาด้วยกัน

ศูนย์ฟาร์มาเน็กซ์ เซี่ยงไฮ้ การวิจัยและพัฒนา


ศูนย์ฟาร์มาเน็กซ์ เซี่ยงไฮ้ การวิจัยและพัฒนาได้ก่อตั้งในปี 1996 ดั้งเดิมตั้งอยู่ในห้องทดลองชั้นยอดในมหาวิทยาลัยฟูดาน ในปี 2002 งานวิใจแรกของฟาร์มาเน็กซ์และการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในจีนได้ถูกย้ายไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ สวนจางเจียง ไฮ-เทค ศูนย์นี้มีขนาด 12,000 ตารางฟุต รวมถึงห้องทดลองและสำนักงานกับนักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการวิจัยกว่า 33 คน มากกว่าครึ่งนึงนั้นจบปริญญาเอก และปริญญาโท ศูนย์นี้มีหน้าที่ในการวิเคราะห์ข้อมูล พัฒนาเคมีของผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ขั้นตอนการผลิต และการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อที่จะสนับสนุนการรับรองคุณภาพ ผู้อำนวยการศูนย์คือ ดร. มิน ลี หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์สาขาแพทย์สมุนไพรที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีน

Nu-Skin-LifeGen-en-Pharmanex.jpg
LifeGen Tehnologies

ผู้ก่อตั้งไลฟ์เจน เทคโนโลยี คือ ดร.ริชาร์ด ไวน์ดรัช ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสุขภาพผู้สูงอายุและขบวนการเสื่อมชราแห่งคณะแพทย์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน และ ดร.โธมัส เอ พรอลล่า ศาสตราจารย์แห่งภาควิชาพันธุศาตร์และพันธุศาสตร์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน โดยทั้งสองท่านนี้เป็นนักวิทยาศาตร์ทีมแรกผู้ค้นพบเทคโนโลยีของการใช้ GeneChip เพื่อประเมินการทำงานของยีนในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งท่านทั้งสองมีผลงานวิจัยมากมายและมีผลงานที่ได้จดสิทธิบัตรของไลฟ์เจน เทคโนโลยีไว้มากมายด้วยเช่นกัน ผลงานวิจัยสำคัญที่สร้างชื่อให้แก่ผู้ก่อตั้งไลฟ์เจนทั้งสองคือ งานวิจัยเรื่องผลของการจำกัดแคลอรี่ต่อการยืดอายุและลดปัญหาการเกิดโรคในลิง ซึ่งเป็นผลงานที่พลิกวงการแห่งการต่อต้านควรชรา ที่มีข้อยืนยันว่าการจำกัดแคลอรี่มีผลการทำหน้าที่ของยีนและส่งผลต่อการชะลอความเสื่อมชราและช่วยยืดอายุ

จากการศึกษาทางด้านยีนและความเสื่อมชรามาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี ทำให้ไลฟ์เจน เทคโนโลยีมีฐานข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงออกของยีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เข้าใจขบวนการเสื่อมชราในระดับยีนของแต่ละอวัยวะได้ดียิ่งขึ้น การที่ไลฟ์เจน เทคโนโลยีแนะ นู สกิน เป็นครอบครัวเดียวกัน นั้นเหมือนการได้ก้าวสู่ความสำเร็จก้าวใหม่ที่สำคัญ พลังแห่งข้อมูลความรู้และนวัตกรรมจากทั้งไลฟ์เจนฯ และจาก นู สกิน นั่นหมายถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเกิดเร็วขึ้น การปฏิวัติแห่งผลิตภัณฑ์ต้านความชราแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด

893039401585bcc25c51d120fa52bc08.jpg

LifeGen Technologies กำลังค้นพบยีนที่เกี่ยวข้องกับความชราโดยใช้ยีนส์ชิปเพื่อเปรียบเทียบการทำงานของยีนนับพันในสัตว์อายุน้อยและสัตว์และมนุษย์ วิธีการเดียวกันนี้ถูกใช้เพื่อศึกษาว่ากระบวนการชราภาพนั้นถูกหน่วงเหนี่ยวโดยการ จำกัด แคลอรี่ (CR) ซึ่งเป็นการแทรกแซงเพียงวิธีเดียวที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่มอายุการใช้งานสูงสุดและชะลอการแก่ในรูปแบบต่างๆ LifeGen มีการยื่นขอจดสิทธิบัตรสำหรับการใช้ "การแสดงออกของยีนแสดงออก" เป็นวิธีการวัดความก้าวหน้าของกระบวนการชราในระดับโมเลกุลในแต่ละอวัยวะ หัวใจสำคัญของความพยายามด้านการวิจัยและพัฒนาของ LifeGen นั้นอยู่ที่การใช้ยีนส์ชิปเพื่อสร้างฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับความชราภาพการชะลอโดยการ จำกัด แคลอรี่ และการปรับเปลี่ยนของมันโดยยาและ nutraceuticals นอกเหนือจากการวิจัยภายในแล้วยังมีบริการที่หลากหลายให้กับ บริษัท ที่ต้องการระบุประโยชน์ด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ของตน

Nu Skin มองเห็นโอกาสในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้าน Anti-Aging ลงลึกระดับยีน จึงได้เข้าเทคโอเวอร์ LifeGen Technologies โดยนำความรู้พื้นฐานไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์และเทคโนโลยี ageLOC® แบรน์ดที่มีมูลค่ามากถึง 5 billion-dollar ที่ดำเนินการผลิตที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูง

© Pharmanex : CordyMax CS-4 in PDR. 

  • w-facebook
  • Twitter Clean
bottom of page